ศสพ.ระยอง ชวนเฝ้าระวัง "การระบาดของไรแดงแอฟริกันในทุเรียน"

 


จากลักษณะอากาศที่ร้อน แห้งแล้งและมีลมพัดแรงในช่วงเดือนธันวาคมนี้ จะเป็นช่วงเวลาที่มักพบการระบาดของ
ไรแดงแอฟริกันได้ในทุเรียน และไรแดงแอฟริกันสามารถเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างรวดเร็วจนสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อทุเรียนถ้าไม่มีการระวังป้องกันที่ดี โดยไรแดงแอฟริกันจะเข้าทำลายใบเพสลาดและใบแก่ด้วยการดูดกินน้ำเลี้ยงบริเวณด้านบนใบพืช ทำให้ใบทุเรียนสูญเสียคลอโรฟิลล์ ใบจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นซีดเหลือง ไม่เขียวเป็นมันเหมือนใบปกติ และมีลักษณะคล้ายผงฝุ่นสีขาวอยู่ทั่วใบและหากปล่อยให้เกิดการระบาดเป็นระยะเวลานานจะส่งผลให้ใบทุเรียนหลุดร่วง ต้นทุเรียนหยุดชะงักการเจริญเติบโต และมีผลต่อการติดดอกและติดผลของทุเรียนได้



แนวทางการจัดการไรแดงแอฟริกัน

1.       1. กำจัดวัชพืชที่อาจเป็นแหล่งหลบซ่อนของไรแดงแอฟริกัน

2.      2. หลีกเลี่ยงการปลูกพืชอาศัยของไรแดงแอฟริกัน ได้แก่

·       ไม้ผล เช่น ส้มเขียวหวาน ส้มโอ มะนาว มะกรูด ส้มจีน มะละกอ  ขนุน สาเก ท้อ มะกอกฝรั่ง

·       พืชผัก เช่น ขี้เหล็ก มะรุม ถั่วพู ถั่วฝักยาว ถั่วลันเตา แตงโม ตำลึง ผักบุ้ง

·       พืชไร่ เช่น ฝ้าย ถั่วเหลือง มันสำปะหลัง ละหุ่ง

·       ไม้ดอกไม้ประดับ เช่น ฝ้ายคำ ลีลาวดี กุหลาบ บานชื่น ชบา แคฝรั่ง

3.      3หมั่นตรวจดูต้นทุเรียนอย่างใกล้ชิด ซึ่งไรแดงแอฟริกันสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรือใช้แว่นขยายขนาดกำลัง 10 เท่า

4.       การใช้สารเคมีกำจัดไร ซึ่งไม่ควรฉีดพ่นสารชนิดเดียวกันติดต่อเป็นเวลานาน เพื่อป้องกันไรสร้างความต้านทานต่อสารฆ่าไร สารเคมีที่ใช้ในการป้องกันกำจัดได้แก่ โพรพาไกต์ อะมิทราซ เฮกซี-ไทอะซอกซ์ หรือ อีมาเมกตินเบนโซเอต เป็นต้น






ความคิดเห็น