" ห่อผล ได้ประโยชน์อย่างไร " ศสพ.ระยอง แบ่งปันสาระน่ารู้ในการจัดการไม้ผลไม้ยืนต้นที่จะเพิ่มมูลค่าผลไม้ของคุณ
การห่อผล
เป็นหนึ่งในแนวการใช้วิธีกล โดยใช้เครื่องมือแบบง่ายๆ เพื่อป้องกันศัตรูพืช
วิธีนี้เหมาะกับการทำการผลิตในพื้นที่ไม่กว้างมากนัก
เกษตรกรพอมีแรงงานและเวลาในการจัดการ
ซึ่งแต่เดิมการห่อผลจะเป็นการนำเศษวัสดุเหลือใช้ที่สะอาด เช่น หนังสือพิมพ์เก่า
หรือถุงพลาสติก มาใช้ในการห่อผลผลิต แต่มีข้อจำกัดในเรื่องของความคงทน เช่น
กระดาษหนังสือพิมพ์อาจโดนฝนหรือน้ำค้างทำให้เปียกและขาดได้
นอกจากนี้ในเรื่องของคุณสมบัติก็จะมีเพียงส่วนช่วยป้องกันแมลงศัตรูพืชเข้าทำลายผลผลิตเท่านั้น
ต่อมานักวิจัยได้พยายามคิดค้นถุงห่อที่มีคุณสมบัติที่มากกว่าแค่ช่วยป้องกันแมลงศัตรูพืช
อาทิ
-
คุณสมบัติในการช่วยพัฒนาสีผิวผล
- คุณสมบัติในการทำให้แสงสามารถส่องผ่านเข้าไปในผลได้
จึงมีการสะสมอาหารในผลมากขึ้น ส่งผลต่อขนาดของผล และความแน่นเนื้อของผล
-
คุณสมบัติป้องกันความชื้นและอากาศให้ผ่านเข้าออกได้บ้าง
ลดการเน่า และลดการเกิดโรคที่เกิดจากเชื้อรา
และนอกจากนี้ คุณสมบัติของถุงห่อประเภทต่างๆ ยังส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบทางเคมีภายในผลที่แตกต่างกันไป
เช่น ปริมาณกรดที่ไทเทรตได้ (Titratable
Acidity :TA) ปริมาณของแข็งทั้งหมดที่ละลายน้ำได้ (Total
Soluble Solid :TSS) ที่แสดงออกมาเป็นความเปรี้ยวและความหวานของผล ตัวอย่างถุงห่อประเภทต่างๆมีดังนี้ ถุงกระดาษคาร์บอน ถุงกระดาษสีขาว
ถุงพลาสติกสีต่างๆ ถุงผ้าสปันบอนด์
เป็นต้น ทั้งนี้โดยสรุปการห่อผลไม้ให้ประโยชน์ดังนี้
1.
ช่วยลดปริมาณการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช
ซึ่งจะทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายจากการใช้สารเคมี และปลอดภัยต่อเกษตรกรและผู้บริโภค
2.
ผลผลิตปลอดภัยต่อการเข้าทำลายของแมลงศัตรูพืช
แต่ไม่อาจป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
3.
มีอายุการเก็บรักษาที่นานขึ้น
อันเนื่องมาจากการที่ผลผลิตไม่โดนศัตรูพืชเข้าทำลาย
4.
ผิวผลจะสมบูรณ์
ไม่มีร่องรอยของศัตรูพืชเข้าทำลายและจากการถูกเสียดสีจากกิ่งหรือผลที่อยู่ใกล้กัน มีสีสันที่สวยงามสดใส
แต่ทั้งนี้สีที่ผิวผลจะขึ้นอยู่กับชนิดถุงห่อที่เลือกใช้
5.
เพิ่มมูลค่าของผลผลิต
สามารถขายในลักษณะของผลไม้เกรดพรีเมี่ยมได้
ขั้นตอนการห่อผล
จะนิยมห่อผลในขณะที่ลูกยังเล็กอยู่
เนื่องจากผิวผลยังมีลักษณะที่แข็ง ยากต่อการเข้าทำลายของศัตรูพืช
โดยจะต้องทำการตัดแต่งผลที่ไม่มีคุณภาพ รูปทรงผิดปกติออก และไว้ผลในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้ต้นสามารถเลี้ยงผลได้อย่างเต็มที่
ผลที่ได้ก็จะมีขนาดใหญ่สมบูรณ์ (การปลิดผลหรือตัดแต่งผลที่ไม่สมบูรณ์ออก
ในไม้ผลที่มียางอย่างเช่น มะม่วง
ควรทำด้วยความระมัดระวังไม่ให้ยางหยดลงบนผลที่จะทำการห่อ เพราะจะทำให้ผิวผลไม่สวย)
จากนั้นก่อนห่อผล 1 วัน ให้ทำการฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดโรครา เช่น โพรพิแนบ 70%
WP และแมลงศัตรูพืช เช่น ไทอะมีโทแซม 25% WG แลมบ์ดาไซฮาโลทริน
เป็นต้น การห่อผลจะต้องทำด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้ผลผลิตบอบซ้ำ ห่อ 1 ผลต่อ 1
ถุงห่อ
จากนั้นให้ระบุวันดอกบานหรือรุ่นของผลผลิตบนถุงห่อเพื่อกำหนดระยะเวลาเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม
และสุดท้ายในการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่มียาง
ก็จะต้องทำด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้ยางไหลมาโดนผิวผล
ทั้งนี้การเลือกใช้ถุงห่อที่เหมาะสมกับผลไม้ชนิดต่างๆ
เกษตรกรสามารถหาข้อมูลงานวิจัยการห่อผลได้จากงานวิจัยของสถาบันการศึกษาต่างๆ
หรือหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อย่างเช่น กรมวิชาการเกษตร
กรมส่งเสริมการเกษตร เป็นต้น หรือจากบริษัทผู้ผลิตถุงห่อผลไม้ ซึ่งถุงห่อแต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติที่ส่งผลต่อผลผลิตแตกต่างกันไปและมีราคาที่แตกต่างกัน
การเลือกใช้จะขึ้นอยู่กับความต้องการของเกษตรกร และจุดมุ่งหมายของการจำหน่ายผลผลิต
ซึ่งการห่อผลผลิตจะเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งมีสามารถกำหนดเกรดหรือคุณภาพของผลผลิต
และราคาของผลผลิตได้
ตัวอย่างงานวิจัย
อ้างอิงข้อมูล
:
เจนจิรา ชุมภูคำ. บทความวิจัย
ผลของชนิดวัสดุห่อผลต่อคุณภาพของมะม่วงพันธุ์น้ำอกไม้เบอร์ 4
เรียบเรียงบทความโดย
นายธนิสร ศิริโวหาร
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น